Sunday, 26 March 2023

การระบาดโควิดระลอกใหม่น่ากังวลแค่ไหน

โควิด 19 แม้ว่าโควิด-19 จะถูกประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นไปแล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม รวมทั้งปรับให้เป็นโรคติดต่อที่จะต้องเฝ้าระวัง แม้กระนั้นดูราวกับว่าเหตุการณ์การระบาดกลับน่าวิตกขึ้นมาอีกรอบนับตั้งแต่ปลายเดือน พ.ย. ก่อนหน้าที่ผ่านมา ในช่วงเวลานี้ ผู้เสียชีวิตเฉลี่ยรายวัน เพิ่มเป็น 15 คนแล้ว

ข้อมูลของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเมื่ออาทิตย์ก่อนหน้าที่ผ่านมา บอกว่า เหตุการณ์โรคโควิด-19 ประเทศไทยยังมีทิศทางมากขึ้น แล้วก็มีผู้เสียชีวิตเฉลี่ยยังเพิ่มสูง โดยคนเสียชีวิตทุกรายยังอยู่ในกลุ่ม 608 รวมทั้งเกือบทั้งหมดไม่ได้รับวัคซีน ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือได้รับเข็มกระตุ้นนานเกินกว่า 3 เดือนแล้ว

อย่างไรก็ดี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยออกมาว่า สถานการณ์ดูเหมือนจะเริ่มชะลอตัวลง และก็ระบบสาธารณสุขยังรองรับได้

ฐานข้อมูลย้อนหลังของกระทรวงสาธารณสุขนับจากสัปดาห์ที่ 46 (13-19 เดือนพฤศจิกายน) จำนวนผู้ติดเชื้อโรคเฉลี่ยทยอยมากขึ้นจากอาทิตย์ก่อนหน้า จาก 452 คน เป็น 565 คน ระหว่างที่ยอดคนตายเฉลี่ยก็เพิ่มจาก 6 คน เป็น 9 คน

ในสัปดาห์ที่ 47 (20-26 พ.ย.) ผู้ติดเชื้อเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 702 คน และสัปดาห์ที่ 48 (27 พ.ย.-3 ธ.ค.) ปรับลดลงเป็น 612 คน และสัปดาห์ล่าสุด (4-10 ธ.ค.) ลดลงมาเป็น 566 คน

แต่ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิตเฉลี่ยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นชัดเจน นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 46 จาก 9 คน เพิ่มขึ้นเป็น 10 คน และ 15 คน ตามลำดับ จนตัวเลขชะลอตัวในสัปดาห์ล่าสุดยังคงอยู่ที่ตัวเลขเฉลี่ย 15 คน

โควิด 19 โควิดสายพันธุ์อินเดีย

โควิด 19 สถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร

แพทย์ชื่อดังหลายคนได้ให้ความเห็นต่อสถานการณ์การระบาดในปัจจุบันว่า ยังคงน่าจับตาเพราะว่ายังมีความไม่แน่นอน เวลาเดียวกันยังใกล้กับช่วงเทศกาลที่มีคนเดินทางและก็จัดงานรื่นเริง ซึ่งบางทีอาจจะส่งผลให้การระบาดเพิ่มสูงขึ้นอีก

รองศาสตราจารย์นพ. ธีระ วรธนารัตน์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กถึงสถานการณ์โควิด-19 โดยประเมินว่า ช่วงนี้ สถานการณ์จัดว่า “พีคสูงกว่าระลอกสามในปีที่แล้วของอัลฟารวมทั้งเดลตา และ… พีคใกล้เคียงกับระลอกช่วงครึ่งปีแรก ด้วยเหตุดังกล่าว ก็เลยย้ำเสมอว่าไม่ใช่เวฟเล็ก รอบข้างมีการติดกันรัว”

นอกนั้น รองศาสตราจารย์นพ. ธีระ ยังมีความเห็นว่า ยังจัดว่าตอบได้ยาก ว่าความผันผวนจะทวีความร้ายแรงมากยิ่งกว่าปัจจุบันหรือไม่ และก็จะลงช้าเร็วเพียงใด จากการใช้ชีวิตเสรีในหน้าเทศกาล หากไม่ปกป้อง

สถานการณ์โควิด “ศึก” นี้ จะยืดเยื้อไปกว่าค่าถัวเฉลี่ยทั้งโลก และก็ได้โอกาสยืดไปกระทั่งเกิดปะทุตอกย้ำจากสายพันธุ์ย่อยอื่นๆยกตัวอย่างเช่น BQ.1.1, XBB, CH.1.1 ได้ ก็จะมีผลให้คล้ายกับระลอกสามที่อัลฟาเอามาก่อน แล้วก็ยังไม่ทันลงก็มีเดลตาเข้ามาซ้ำ

การตระหนักรู้ถึงสถานการณ์ และช่วยกันป้องกันตัวจึงสำคัญมาก

จับตาสายพันธุ์ใหม่จากอินเดีย

ท่ามกลางความรู้สึกกังวลของการระบาดในระลอกปัจจุบัน มีการตักเตือนจากนายแพทย์จากโรงหมอวิชัยยุทธถึงความน่าจะเป็นไปได้ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จากประเทศอินเดียจะเข้ามาระบาดในไทย เช่นเดียวกันกับกรณีที่เคยเกิดขึ้นเมื่อท้ายปี 2563 ที่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งเจอครั้งแรกในประเทศอินเดีย รวมทั้งแพร่กระจายอย่างเร็วและก็เกิดการระบาดใหญ่ทั่วทั้งโลก และในไทยเมื่อกลางปี พุทธศักราช2564

นพ. มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้เจ็บป่วยหนัก รวมทั้งโรคคนวัยแก่ ประจำโรงหมอวิชัยยุทธ โพสต์ใจความผ่านเฟซบุ๊กว่า เมืองไทยจำต้องจับตาเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ที่กำลังแพร่ระบาดในประเทศอินเดีย เนื่องจากบ่อยที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์ตัวใหม่ในประเทศประเทศอินเดีย หลังจากนั้นอีกไม่นานก็เจอการแพร่ระบาดของเชื้อสายจำพวกนั้นในประเทศไทย

โควิด 19 วัคซีนตัวใหม่

สำหรับเชื้อไวรัสตัวล่าสุดที่จำเป็นต้องจับตา คือ ไวรัสโควิดสายพันธุ์ XBB

ซึ่งเป็นลูกผสมของไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.10.1 กับ BA.2.75 โดยเชื่อว่าอีกไม่นาน ก็จะแทนที่สายพันธุ์ BA.2.75 ในประเทศประเทศอินเดีย

“ประเทศไทยเตรียมตัวได้เลยว่า หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75 อีกไม่นานก็จะมีสายพันธุ์ XBB แพร่ระบาดเหมือนประเทศอินเดีย” เพราะสายพันธุ์ใหม่นี้ติดต่อกันง่ายกว่าสายพันธุ์เดิม และหลบหลีกภูมิคุ้มกันไม่ว่าจากการฉีดวัคซีนหรือการติดเชื้อธรรมชาติได้ดีกว่าสายพันธุ์เดิม

นพ. มนูญ ยังระบุอีกว่า เดี๋ยวนี้เชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ใช้เวลาสั้นกว่าเดิม เพียง 3-4 เดือน ก็เข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดิม แล้วก็ทำให้เกิดการระบาดใหญ่ระลอกใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีกไปทั่วทั้งโลก

อย่างไรก็ตาม ไวรัส โควิด สายพันธุ์ ใหม่ ๆ ไม่ ได้ ทำให้ คนเจ็บหนักแล้วก็เสียชีวิตราวกับสายพันธุ์เดลตา โดยยิ่งไปกว่านั้นในคนที่ได้รับวัคซีน 4 เข็ม คือได้วัคซีนครบ 2 โดสและและก็ตามด้วยเข็มกระตุ้นอีก 2 เข็ม

ต้องฉีดยาอย่างไร วัคซีนรุ่นใหม่ต้องรอนานขนาดไหน

หากว่าสัญญาณการระบาดในตอนนี้จะเริ่มชะลอตัว แต่การฉีดยาเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันยังมีความสำคัญ เนื่องจากจะสามารถช่วยป้องกันลักษณะของการป่วยหนักแล้วก็ลดโอกาสการสูญเสีย

จาก ข้อมูล ของ กรม ควบคุม โรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ประชาชน ควรจะ ได้ รับ วัคซีน อย่าง น้อย 4 เข็ม ส่วน เข็ม ต่อไปควร ฉีด ห่าง กัน ราว 4 เดือน รวมทั้งส่วนวัคซีนแบบใหม่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา

ด้าน ศ. นพ. ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์เนื้อความผ่านเฟซบุ๊กช่วงวันที่ 9 ธ.ค. เกี่ยวกับ ความสามารถของวัคซีนแบบใหม่โดยอ้างประกาศของศูนย์ป้องกันและก็ควบคุมโรคของสหรัฐฯ หรือซีดีซี (CDC) เกี่ยวกับประสิทธิภาพสำหรับการใช้จริงทีแรก (real world effectiveness data) ของวัคซีนรุ่นใหม่ bivalent mRNA (14 ก.ย.- 11 เดือนพฤศจิกายน) และรายงานจากนิตยสาร Nature Medicine เมื่อ 6 ธันวาคม รวมทั้งวารสาร Lancet Infectious Disease และ Lancet Microbe ประจำเดือน เดือนธันวาคม ว่า ภูมิต้านทานหรือแอนติบอดีในเลือดไม่เป็นผลต่อเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ BA.2.75.2., BQ.1., XBB.1 แล้วก็สายย่อยอื่นๆซึ่งแปลว่าป้องกันการได้รับเชื้อไม่ได้

ก่อนหน้านี้ CDC แล้วก็ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและก็ยา (FDA) ได้ประกาศแล้วว่าแอนติบอดีที่ใช้สำหรับการรักษาและก็ป้องกัน รวมถึง evusheld (แอนติบอดีสำเร็จรูปหรือภูมิต้านทานสำเร็จรูปเพื่อป้องกันการได้รับเชื้อโควิด-19) ใช้ไม่ได้กับสายพันธุ์ย่อยใหม่พวกนี้ ที่เข้ามาแทนที่ตัวเก่า

อย่างไรก็ตาม นพ. ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยเมื่อต้นเดือนก่อนหน้าที่ผ่านมาว่า กรมควบคุมโรค อยู่ระหว่างการปรึกษาขอคำแนะนำกับคณะผู้ชำนาญถึงเรื่องประสิทธิผลของวัคซีนรุ่นใหม่ หรือวัคซีน 2 สายพันธุ์ ซึ่งถ้าเกิดพบว่าผลการศึกษาสามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด 19 อย่างชัดเจน ก็จะเร่งดำเนินงานจัดหามาให้บริการประชาชนในปีหน้า